အခန္း (၁) บทที่ 1
……. …… မလား? ….. ……. လား ? ႏွင့္ ေမးေသာ ျမန္မာ စကား အေမး အေျဖ စကားမ်ား
การตอบคำถามที่ลงท้ายด้วย ..... มั้ย หรือ จะ ..... มั้ย
အဂၤလိပ္စကားတြင္ လူတေယာက္ႏွင့္ တေယာက္ ေတြ႕လွ်င္ Good morning, Good afternoon ဟု
ႏႈတ္ဆက္သလို ထိုင္းလူမ်ိဳးမ်ားက Sawaddy ဟု ႏႈတ္ဆက္ၾကသကဲ့သုိ႕ ျမန္မာမ်ားႏွင့္ေတြ႕ေသာအခါ မဂၤလာပါဟု ႏႈတ္ဆက္ပါ။ ထို႕ေၾကာင့္ ဤစကားလံုးမ်ားကို အရင္ဆံုး ေျပာတတ္ေအာင္ ေလ့က်င့္ပါ။
ในภาษาอังกฤษ
เมื่อแต่ละฝ่ายมาพบกัน เราจะทักทายกันว่า Good morning, Good
afternoon สำหรับคนไทย เราทักทายกันด้วยคำว่า สวัสดี
ส่วนชาวพม่านั้น จะพูดคำว่า หมิ่งกะหล่าบ่า ดังนั้น
คำภาษาพม่าคำแรกที่เราจะต้องฝึกพูดให้ได้ ก็คือคำว่า หมิ่งกะหล่าบ่า
ภาษาพม่า
|
คำอ่าน
|
ความหมาย
|
မဂၤလာပါ။
|
หมิ่งกะหล่าบ่า
|
สวัสดี
|
ေနေကာင္းရဲ့လား။
|
เหน่เกาน์แยะลา
|
สบายดีมั้ย
|
ေနေကာင္းပါတယ္။
|
เหน่เกาน์บ่าแต่
|
สบายดี
|
ေနမေကာင္းဘူး
|
เหน่มะเกาน์บู
|
ไม่สบาย
|
ေတြ႕ရတာ ၀မ္းသာပါတယ္။
|
ตเว่ยะต่า
วานต่าบ่าแต่
|
ยินดีที่ได้พบ
|
ခင္ဗ်ား။
|
ขิ่นบยา
|
ครับ
(คำลงท้ายเวลาผู้ชายพูด เพื่อแสดงความสุภาพ)
|
ရွင္။
|
ฉิ่น
|
ค่ะ
(คำลงท้ายเวลาผู้หญิงพูด เพื่อแสดงความสุภาพ)
|
ကၽြန္ေတာ္။
|
จะหน่อ
|
ผม
(คำเรียกตัวเอง ของผู้ชาย)
|
ကၽြန္မ။
|
จะมะ
|
ดิฉัน
(คำเรียกตัวเอง ของผู้หญิง)
|
ေက်းဇူးတင္ပါတယ္။
|
เจซูติ่นบ่าแต่
|
ขอบคุณ
|
အခန္း
(၁) ေလ့က်င့္ခန္း
(က) …… မလား ?
ျမန္မာမ်ားသည္ ေမးခြန္း ေမးေသာအခါ ႀကိယာအဆံုးတြင္ ´…. မလား´
ဟူေသာ ႀကိယာ ေနာက္ဆက္ စကားလံုးကို အသံုးျပဳသည္။ ….. မလား
? ေမးခြန္းဟု မွတ္ထားပါ။ မလားဟု ေမးေသာအခါ သူတပါး၏ ဆႏၵကို မသိရေသးသျဖင့္ သိ လို ေသာေၾကာင့္ ေမးျခင္းျဖစ္ရာ သဒၵါ သေဘာအရ အနာဂတ္ ေမးခြန္း ျဖစ္၏။ ျမန္မာစကားတြင္ ႀကိယာသည္ ေနာက္ဆံုး၌ အၿမဲတမ္း ရွိသည္။
บทที่ 1 แบบฝึกหัด ก การถามว่าคุณจะ …….. มั้ย
ขอให้จำไว้ว่า
ในภาษาพม่านั้น เมื่อต้องการถามว่า “คุณจะ ……..
มั้ย” จะใช้คำว่า “มะลา” ต่อท้ายคำกริยา เนื่องจากผู้ถามไม่ทราบว่า
ผู้ที่ตอบนั้นมีความเห็นอย่างไร ดังนั้น รูปแบบของคำถาม-คำตอบจึงเป็นแบบอนาคต
เช่น มีคำว่า “จะ” ภาษาพม่าจะวางคำกริยาไว้ท้ายประโยคเสมอ
ပံုစံ။
(โป่งส่าน) ตัวอย่าง
စား + မ လား ။ ซา + มะลา จะ
กิน + มั้ย
စား = ႀကိယာ ซา เป็นคำกริยา แปลว่า กิน
မလား = ႀကိယာေနာက္ဆက္ ေမးခြန္းစကား มะลา เป็นคำเกาะท้ายกริยา เพื่อแสดงคำถาม
ယင္းေမးခြန္းကို ျပန္ေျဖေသာအခါ ႀကိယာအဆံုးတြင္ ´မယ္´
ဟူေသာ ႀကိယာေနာက္ဆက္ စကားလံုးကို အသံုးျပဳ သည္။
เมื่อจะตอบรับคำถามนั้น จะใช้คำว่า “แหม่” มาต่อท้ายคำกริยา
ပံုစံ။
(โป่งส่าน) ตัวอย่าง
စား+ မယ္။ ซา + แหม่ จะ กิน
စား = ႀကိယာ ซา เป็นคำกริยา แปลว่า กิน
မယ္ = ႀကိယာေနာက္ဆက္ အျဖစကား แหม่
เป็นคำเกาะท้ายกริยาในประโยคบอกเล่า หรือคำตอบ
အကယ္၍ အျငင္းစကား ေျပာမည္ ဆိုလွ်င္ ႀကိယာေရွ႕တြင္ မကိုထားၿပီး ႀကိယာေနာက္တြင္ ဘူးကို ထားကာ အသံုးျပဳသည္။
ถ้าต้องการตอบปฏิเสธ จะใช้คำว่า “มะ” มานำหน้าคำกริยา และคำว่า “บู”
มาต่อท้ายคำกริยา
ပံုစံ။ (โป่งส่าน) ตัวอย่าง
မ + ႀကိယာ+ ဘူး มะ + กริยา +
บู
မစားဘူး။ มะ ซา บู ไม่กิน
မ = အျငင္းစကား มะ แสดงว่า
เป็นการปฏิเสธ
စား = ႀကိယာ ซา เป็นคำกริยา แปลว่า กิน
ဘူး = အျငင္းႀကိယာ ေနာက္ဆက္စကားလံုး บู เป็นคำเกาะท้ายกริยา เพื่อแสดงรูปปฏิเสธ
လက္ေတြ႕ ေျပာဆုိေလ့က်င့္ရန္။ ฝึกพูดตามตัวอย่าง
(၁) လာမလား။ 1.
หล่า มะลา จะมามั้ย
လာမယ္။ หล่า แหม่ จะมา
မလာဘူး။ มะ หล่า บู ไม่มา
(၂)
သြားမလား။ 2.
ตัว มะลา จะไปมั้ย
သြားမယ္။ ตัว แหม่ จะไป
မသြားဘူး။ มะ ตัว บู ไม่ไป
(၃) ျပမလား။ 3.
เปี๊ยะ มะลา จะแสดงมั้ย
ျပမယ္။ เปี๊ยะ แหม่ จะแสดง
မျပဘူး။ มะ เปี๊ยะ บู ไม่แสดง
(၄) ၾကည့္မလား။ 4. จี้ มะลา จะดูมั้ย
ၾကည့္မယ္။ จี้ แหม่ จะดู
မၾကည့္ဘူး။ มะ จี้ บู ไม่ดู
(၅) ေနမလား။ 5.
เหน่ มะลา จะอยู่มั้ย
ေနမယ္။ เหน่ แหม่ จะอยู่
မေနဘူး။ มะ เหน่ บู ไม่อยู่
(၆) ေပးမလား။ 6.
เป มะลา จะให้มั้ย
ေပးမယ္။ เป แหม่ จะให้
မေပးဘူး။ มะ เป บู ไม่ให้
(၇) ယူမလား။ 7.
อยู่ มะลา จะเอามั้ย
ယူမယ္။ อยู่ แหม่ จะเอา
မယူဘူး။ มะ อยู่ บู ไม่เอา
(၈) ေရာင္းမလား။ 8.
เยาน์ มะลา จะขายมั้ย
ေရာင္းမယ္။ เยาน์ แหม่ จะขาย
မေရာင္းဘူး။ มะ เยาน์ บู ไม่ขาย
(၉) ၀ယ္မလား။ 9.
แหว่ มะลา จะซื้อมั้ย
၀ယ္မယ္။ แหว่ แหม่ จะซื้อ
မ၀ယ္ဘူး။ มะ
แหว่ บู ไม่ซื้อ
(၁၀) ေကၽြးမလား။ 10. จวย มะลา จะเลี้ยง(อาหาร)มั้ย
ေကၽြးမယ္။ จวย แหม่ จะเลี้ยง
မေကၽြးဘူး။ มะ จวย บู ไม่เลี้ยง
(၁၁) စားမလား။ 11.
ซา มะลา จะกินมั้ย
စားမယ္။ ซา แหม่ จะกิน
မစားဘူး။ มะ ซา บู ไม่กิน
။ မွာ ျမန္မာ၀ါက် အဆံုးသတ္ သေကၤတ ျဖစ္သည္။
ในภาษาพม่า
ใช้สัญญลักษณ์ ။ (ပုဒ္မ โป้กมะ) วางไว้ท้ายประโยค
เพื่อเป็นเครื่องหมายแสดงถึงการจบประโยค
အိမ္စာ (เอ่งส่า) การบ้าน จงฝึกแต่งประโยคตามตัวอย่างข้างต้น
โดยใช้คำกริยาที่กำหนดให้ต่อไปนี้
ႀကိယာ
စကားလံုးမ်ား คำกริยา
၁။ ငွါး 1.
งฮา เช่า,
ยืม
၂။ သံုး 2.
โตง ใช้
၃။ ေသာက္ 3. เต้าก์ ดื่ม
၄။ လုပ္ 4.
โลก ทำ
၅။ အိပ္ 5.
เอ้ก นอน
၆။ ထိုင္ 6.
ไถ่น์ นั่ง
၇။ ရပ္ 7. ยัด ยืน, หยุด
၈။ ပိတ္ 8.
เป้ก ปิด
၉။ ဖြင့္ 9.
พวิ่น เปิด
၁၀။ ေစာင့္ 10. เซ่าน์ รอ
၁၁။ နား 11. นา พักผ่อน
၁၂။ ေခ်း 12.
เช ให้ยืมเงิน
၁၃။ ေမးၾကည့္ 13. เมจี้ ถามดู
၁၄။ သင္ 14. ติ่น สอน, เรียน
၁၅။ ေရး 15. เย เขียน
အခန္း
(၁) ေလ့က်င့္ခန္း (ခ)
….. …. .. လား
?
บทที่ 1 แบบฝึกหัด ข คำถามที่ลงท้ายด้วยคำว่า “ลา” (มั้ย)
´လား´ ႏွင့္ေမးေသာ ေမးခြန္းသည္ ေလာေလာဆယ္ အေျခအေနကို သိသလိုသျဖင့္ ေမးေသာ ေမးခြန္းျဖစ္ရာ ပစၥဳပၸန္ ကာလ ေမးခြန္း ျဖစ္သည္။
คำถามที่ลงท้ายด้วยคำว่า
“ลา” เป็นการถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในขณะนั้น หรือสถานการณ์ปัจจุบัน
ပံုစံ။
(โป่งส่าน) ตัวอย่างคำถาม
ေနေကာင္း + လား။ เหน่เกาน์ + ลา สบายดี + มั้ย
ေနေကာင္း = ႀကိယာ เหน่เกาน์ เป็นคำกริยา
လား = ေမးခြန္းစကားလံုး ลา
เป็นคำลงท้ายเพื่อแสดงว่าเป็นประโยคคำถาม
ယင္းေမးခြန္းကို ေျဖရာတြင္ ´…. ပါတယ္´ ´ …. တယ္´ဟူေသာ စကားလံုးကို ႀကိယာေနာက္တြင္ ထား၍ ေျဖသည္။
ในการตอบรับคำถามนั้น จะใช้คำว่า “บ่าแต่” หรือ “แต่” ต่อท้ายคำกริยา
ပံုစံ။ (โป่งส่าน) ตัวอย่างการตอบรับ
ေနေကာင္း + ပါတယ္။ เหน่เกาน์ + บ่าแต่ สบายดี (แบบสุภาพ)
ေနေကာင္း + တယ္။ เหน่เกาน์แต่ สบายดี
ေနေကာင္း = ႀကိယာ เหน่เกาน์ เป็นคำกริยา
แปลว่า สบายดี (อยู่ดี)
ပါတယ္ / တယ္
= ႀကိယာ ေနာက္ဆက္ (အေျဖစကားတြင္ အသံုးျပဳသည္)
คำว่า บ่าแต่ / แต่ เป็นคำเกาะท้ายกริยา ใช้ในการตอบคำถาม
หรือประโยคบอกเล่า
အျငင္းစကားတြင္ ´မ+….
+ ဘူး´
ကို အသံုးျပဳသည္။ ဤေနရာတြင္ အေရးတႀကီး မွတ္သားရန္မွာ အျငင္းစကား ´မ´ကို အဓိက စကားလံုးေရွ႕တြင္ သံုးသည္ဆိုသည္ကို သတိျပဳပါ။
ในการตอบปฏิเสธ จะให้คำว่า “มะ +
(กริยา) + บู” ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องจำให้ได้ คำว่า มะ
จะวางไว้หน้ากริยาหลัก ตัวอย่างเช่น
ေန+ မ+
ေကာင္း+ ဘူး။ เหน่มะเกาน์บู ไม่สบาย
ဤႀကိယာတြင္ ေန+
ေကာင္း ဟူ၍ စကားႏွစ္လံုးကို တြဲသံုးထားေလရာ ေနေကာင္းတြင္ ´ေကာင္း´ သည္ အဓိက ျဖစ္ ေသာေၾကာင့္´ေကာင္း´ ၏ ေရွ႕တြင္ ´မ´
ကို အသံုးျပဳျခင္း ျဖစ္သည္။ အေျဖတြင္ ´ပါ´
ကိုသံုးျခင္းမွာ ပိုမို
ယဥ္ေက်း သည့္ သေဘာကို ေဆာင္သည္။ ´ပါ´ကုိ ျဖဳတ္၍ သံုးျခင္းမွာ ရင္းႏွီးသည့္ သေဘာကို ေဆာင္ၿပီး တခ်ိဳ႕ေနရာတြင္ မယဥ္ ေက်းသည့္ သေဘာကို ေဆာင္သည္။
คำว่า
เหน่เกาน์ (สบายดี) เป็นคำกริยาที่ประกอบด้วยคำ 2 คำ คือ เหน่ และ เกาน์ โดยที่คำว่าเกาน์ (ดี) คือกริยาหลัก ดังนั้น
เมื่อจะทำเป็นรูปปฎิเสธ จึงใส่คำว่า มะ ไว้หน้า เกาน์ บางครั้ง อาจมีการเติมคำว่า
บ่า เพื่อแสดงความสุภาพ หากตัดคำว่า บ่า ออกไป จะเป็นการพูดแบบกันเอง บางครั้งอาจทำให้ดูเหมือนไม่สุภาพ
ဆက္လက္ေလ့လာပါ။ แซดแล้ดเล่หล่าบ่า จงศึกษาต่อไป
နားလည္ + လား။ นาแหล่ + ลา เข้าใจ มั้ย
နားလည္ + ပါတယ္။ นาแหล่ บ่าแต่ เข้าใจค่ะ
(သို႕မဟုတ္) နားလည္ + တယ္။ (โต้มะโฮก) (หรือ) นาแหล่แต่ เข้าใจ
နား + မလည္ပါဘူး။ นา + มะ แหล่ บ่า บู ไม่เข้าใจค่ะ
( သို႕မဟုတ္ ) နား
+ မလည္ဘူး။ (โต้มะโฮก) (หรือ) นา + มะ
แหล่ บู ไม่เข้าใจ
နီး + လား။ นี + ลา ใกล้
มั้ย
နီး + ပါတယ္။ นี + บ่าแต่ ใกล้ครับ
(သို႕မဟုတ္) နီး
+ တယ္။ (โต้มะโฮก) (หรือ) นี + แต่ ใกล้
မ + နီး
+ ပါဘူး။ มะ + นี + บ่าบู ไม่ใกล้ครับ
(သို႕မဟုတ္) မ + နီ
+ းဘူး။ (โต้มะโฮก) (หรือ)
มะ + นี + บู ไม่ใกล้
ေ၀း + လား။ เว + ลา ไกล
มั้ย
ေ၀း + ပါတယ္။ เว + บ่าแต่ ไกลครับ
(သို႕မဟုတ္) ေ၀း
+ တယ္။ (โต้มะโฮก) (หรือ) เว + แต่ ไกล
မ + ေ၀း+
ပါဘူး။ มะ + เว + บ่าบู ไม่ไกลครับ
( သို႕မဟုတ္ ) မ
+ ေ၀း
+ ဘူး။ (โต้มะโฮก)
(หรือ) มะ + เว + บู ไม่ไกล
သိ + လား။ ติ้ + ลา รู้ +
มั้ย
သိ + ပါတယ္။ ติ้ + บาแต่ รู้ค่ะ
(သို႕မဟုတ္) သိ
+ တယ္။ (โต้มะโฮก)
(หรือ) ติ้ + แต่ รู้
မ + သိ + ပါ + ဘူး။ มะ + ติ้ + บ่า + บู ไม่รู้ค่ะ
မ + သိ + ဘူး။ มะ + ติ้ + บู ไม่รู้
ရြတ္ဆို ေလ့က်င့္ရန္။ แบบฝึกหัด จงฝึกแต่งประโยค ตามแบบที่ได้เรียนมาข้างต้น
โดยใช้คำกริยาต่อไปนี้
(၁) လိုအပ္ 1. โหล่อั๊ต จำเป็น, ต้องการ
(၂) မွတ္မိ 2. มฮัตมิ จำได้
(၃) ဟုတ္ 3. โฮ้ก ใช่
(၄) ရ 4. ยะ ได้
(၅) ေကာင္း 5. เกาน์ ดี
(၆) ျမင္ရ 6. หมิ่นยะ เห็น
(၇) ၾကား 7. จา ได้ยิน
(၈) မွန္ 8. มห่าน ถูกต้อง
(၉) မွား 9. มฮา ผิด
(၁၀) ႀကိဳက္ 10. ไจ้ก์ ชอบ
(၁၁) ခ်စ္ 11. ชิด รัก
(၁၂) မုန္း 12. โมง เกลียด
(၁၃) လုပ္တတ္ 13. โล้กตั้ด ทำเป็น
(၁၄) စိတ္၀င္စား 14. เซ้กหวิ่นซา สนใจ
(၁၅) အိပ္ေပ်ာ္ 15. เอ้กเปี่ยว นอนหลับ
အိမ္စာ เอ่งส่า การบ้าน จงฝึกแต่งประโยค ตามแบบที่ได้เรียนมาข้างต้น
โดยใช้คำกริยาต่อไปนี้
(၁) ေတြ႕ 1.
ตเว่ พบ,
เจอ
(၂) ရွိ 2. ชิ มี,
อยู่
(၃) ငို 3. โหง่ ร้องไห้
(၄) ရီ 4. หยี่ หัวเราะ
(၅) ေပ်ာ္ 5.
ปย่อ สนุก
(၆) ပ်င္း 6.
ปยิน ขี้เกียจ
(၇) ေႏွး 7.
นเฮ ช้า
(၈) ျမန္ 8.
เหมี่ยน เร็ว
(၉) အား 9. อา ว่าง
(၁၀) လွ 10. ลฮะ สวย
(၁၁) ခ်ိဳ 11.โฉ่ หวาน
(၁၂) ခါး 12. คา ขม
(၁၃) လိုခ်င္ 13.
โหล่จิ่น ต้องการ,
อยากได้
(၁၄) သိခ်င္ 14.
ติ้จิ่น อยากรู้
(၁၅) သင့္ေတာ္ 15. ติ้นต่อ เหมาะสม
No comments:
Post a Comment